นักเศรษฐศาสตร์ – แบงก์ แนะรับมือ ปัจจัยเสี่ยง กดดันเศรษฐกิจไทย
“ศุภวุฒิ” ชี้ปี 2566 เสี่ยงสูง ฉุดเศรษฐกิจไทย คาดไตรมาส 2 ปีหน้า จุดชี้วัดไทยรอด – ไม่รอด ย้ำเผชิญความเสี่ยงดอกเบี้ยสูงเป็นประวัติการณ์
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า ปี 2566 เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญความท้าทาย และโจทย์หนักหลายด้าน แต่หลายคนคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น แต่วันนี้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่กระทบการนำเข้า และส่งออก ดังนั้นการหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตดีขึ้นเหมือนเดิมในปีหน้าไม่ง่าย
ดังนั้นมองว่าจุดพลิกสำคัญ หรือพลิกเศรษฐกิจที่สำคัญ ต้องดูไตรมาส 2 ปีหน้า ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร จะแผ่วมากกว่าที่คาดหรือไม่ ในช่วงท่องเที่ยวที่เป็นช่วงโลซีซั่น มีนักท่องเที่ยวลดลง นักท่องเที่ยวจีนยังไม่มาเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน เพราะขาดเครื่องยนต์หลัก บวกกับการต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
อีกทั้งเศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงสำคัญจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไทย และสหรัฐ ที่ส่วนต่างใหญ่ขึ้นจนถึง 3% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ 2 พ.ย.นี้ ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% เป็นความเสี่ยงเงินทุนไหลออกมากขึ้น
“ปัจจุบันเริ่มเห็นการไหลออก หากดูเดือนต่อเดือน แต่หากดูตั้งแต่ต้นปีอาจจะบวก ซึ่งเราดูแบบนั้นไม่ได้ เพราะดอกเบี้ยสหรัฐต้นปีอยู่ที่ 0% แต่ของเรา 0.50% ก็ไม่แปลกที่เงินจะเข้ามาหาผลตอบแทนสูงกว่า แต่ตอนนี้เฟดขึ้นดอกเบี้ย และจะขึ้นอีกใน พ.ย.- ธ.ค.นี้ ทำให้ดอกเบี้ยไทยยิ่งห่างไปอีก”