รักลูกอย่างไร ไม่ให้ “ละเมิด” ต่อจิตใจเด็ก

แต่ละครอบครัวมีการแสดงออกถึงความรักที่มีต่อลูกแตกต่างกัน

บางบ้านอาจจะถึงเนื้อถึงตัวกอดหอมกันเมื่อครั้งลูกยังเล็กบ่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่การแตะเนื้อต้องตัวอย่างใกล้ชิดสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน วัยใดเหมาะสม ไม่เหมาะสมอย่างไร แบบไหนเรียกว่า “ละเมิด” จนทำให้ลูกน้อยไม่สบายใจ Sanook มีข้อมูลดีๆ จาก หมอโอ๋ พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น จากเฟซบุ๊กเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน มาฝากกัน

สังคมกำลังมีประเด็นถกเถียงกัน ถึงการแสดงความรักของพ่อลูก ที่ดูเหมือนอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างการแสดงความรัก กับการละเมิดสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย ไปจนถึงดูคล้ายการคุกคามทางเพศ?

ที่น่าตกใจกว่าสิ่งที่เห็น คือคอมเมนท์ที่หลากหลาย…

“ลูก 13 ยังจับจู๋ลูกอยู่เลย อย่างนี้ก็ผิดปกติหรอ”

“ใช่ค่ะ ทุกวันนี้ยังจับจู๋ลูกชายเล่นอยู่เลยค่ะ ทั้งที่ลูกอายุ 14 แล้ว บางครั้งก็แข็งสู้มือด้วย อิอิ เรื่องของแม่ลูก คนอื่นชอบยุ่งจัง”

“ลูกสาว 20 แล้ว ผมยังอาบน้ำกับลูกอยู่เลย”

ฯลฯ

เราเติบโตมากับวัฒนธรรม ที่พ่อแม่มักคิดว่าตนเองเป็นเจ้าชีวิต และมีสิทธิเหนือเนื้อตัวร่างกายลูก

เราตี หยิก ด่า ทำร้าย ใช้บุหรี่จี้ …

หรือ แม้แต่การแสดงความรัก เราก็หลงลืมที่จะเคารพ “สิทธิ” “อำนาจในการตัดสินใจ” ไปจนถึง “เคารพพื้นที่ส่วนตัว”

“พ่อหอมแค่นี้ ต้องมาสะบัดหนีด้วย”

“กอดคุณตาหน่อยสิลูก”

“คุณป้าเค้าก็แค่จับจู๋หนู แหย่เล่นๆ แค่นี้เอง”

ฯลฯ

ส่วนตัวหมอคิดว่าภาพที่ออกมาดูน่าเป็นห่วงจริงๆ แต่ขออนุญาตไม่วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเราไม่รู้ถึงเจตนา แต่ขอพูดถึงกรณีทั่วๆ ไป เผื่อเราจะได้เรียนรู้ร่วมกันนะคะ …

พ่อแม่ต้องทำให้ลูกเข้าใจ ว่าลูกมีสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของตัวเอง “เสมอ”
พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างของการไม่ละเมิดสิทธินั้นเสียเอง เพื่อให้เด็กไม่เกิดความสับสน หรือเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะปฏิเสธผู้ใหญ่ไม่ได้
หลายครั้งด้วยความรักและความใกล้ชิด เด็กๆ “ไม่สามารถ” กล้าปฏิเสธ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด และบางครั้งเด็กก็เล็กเกินไป จนแยกไม่ได้ ระหว่างการแสดงความรักกับการถูกล่วงละเมิด

การล่วงละเมิดและคุกคามทางเพศในเด็ก ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากคนในครอบครัว ดังนั้นผู้ใหญ่ในบ้านต้องช่วยกันสอดส่องดูแล
สอนลูกเรื่อง “สิทธิในร่างกายตนเอง” ลูกเป็นเจ้าของร่างกายตนเอง มีสิทธิปฏิเสธ ไม่ให้ใครมาวุ่นวาย ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนในหรือนอกครอบครัว
การแสดงความรัก ควรอยู่ในขอบเขตที่ไม่มากเกินไป และไม่สร้างความอึดอัดใจให้กับผู้รับ
การแสดงความรัก การแหย่ การเล่น ไม่ควรลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว เช่น พื้นที่ในร่มผ้า หน้าอก ก้น อวัยวะเพศ และ “ทุกพื้นที่” ที่ลูกดูมีความอึดอัดใจเมื่อเราไปสัมผัส
แม้เราจะแสดงความรัก แต่เมื่อลูกแสดงอาการปฏิเสธ แข็งขืน หรือดูอึดอัดใจ ให้เคารพความ

รู้สึกของลูกเสมอ
สอนลูก ใช้ประโยคที่เข้าใจง่าย เช่น “มีบางคนเข้ามายุ่งกับร่างกายของเรา โดยที่เราไม่เต็มใจ และไม่อยากให้ทำ เช่น บางคนมาจับหน้าอก มายุ่งกับอวัยวะเพศ มากอด หอม หรือบางทีก็ให้เราไปจับของส่วนตัวเค้าโดยที่เราไม่ยินยอม แบบนี้ถือเป็นเรื่องผิดปกติ และแม่อยากให้ลูกบอกผู้ใหญ่ให้รับรู้เสมอ”

บอกลูกเสมอ ไม่ว่าจะอย่างไร “การถูกละเมิดไม่ใช่ความผิดของผู้ถูกกระทำ” ไม่ใช่ความผิดเพราะเราเป็นเด็ก เพราะเราแต่งตัวไม่เรียบร้อย ใส่ขาสั้น เมา หรือไม่ดูแลตัวเองให้ดี “ไม่มีใครมีสิทธิที่จะล่วงละเมิดใคร” ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไรก็ตาม
บอกลูกว่าพ่อแม่จะอยู่กับลูกเสมอ ถ้ามีใครมาทำอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดใจ ให้บอกพ่อแม่ได้ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นใครก็ตาม
ข้อนี้ขอกาสามดาว *** ไม่บังคับให้ลูกกอดหอมใคร หรือให้ใครมากอดหอมลูก โดยที่ลูกรู้สึกไม่เต็มใจ ลูกจะสับสนในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ และไม่แน่ใจในสิทธิในเนื้อตัวร่างกายตนเอง
การโพสต์อะไรลงใน social ให้คิดไว้เสมอว่าสิ่งนั้นจะอยู่ที่นั่นตลอดไป ถ้าเป็นไปได้ควรไตร่ตรองสิ่งที่จะลงไป และขออนุญาตลูกก่อนลงทุกครั้ง

ข่าวอื่นๆ สงสารเด็ก! ผัวคลั่ง ลักพาตัวลูกเลี้ยง 7 ขวบ หลังง้อเมียไม่สำเร็จ ตำรวจเร่งล่าตัว

สงสารเด็ก! ผัวคลั่ง ลักพาตัวลูกเลี้ยง 7 ขวบ หลังง้อเมียไม่สำเร็จ ตำรวจเร่งล่าตัว

ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง รับแจ้งเหตุ ชายวัย 38 ปี ตามง้อขอคืนดีกับภรรยา

แล้วเกิดคลุ้มคลั่งทำร้ายพ่อตา วัย 65 ปี ศีรษะแตกก่อนลักพาตัวลูกเลี้ยงวัย 7 ขวบ หลบหนีไป เพื่อต่อรองให้ได้พบหน้าภรรยา ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง ร่วมกับชาวบ้านต่างกระจายกำลังออกตามหา ผู้ก่อเหตุรายนี้

พ่อตาเปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุคบหากับลูกสาวของตนมาร่วมปีแล้ว ก่อนหน้านี้ลูกสาวอยู่ที่บ้านของผู้ก่อเหตุ ในพื้นที่ อ.ศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมา ลูกกลับมาอยู่กับตนที่บ้าน เพราะทนอยู่กับฝ่ายชายไม่ได้ เพราะเขาไม่ทำอะไรเลย ทั้งยังเสพยาเสพติด

ต่อมาผู้ก่อเหตุตามมาง้อ แต่ลูกสาวไม่ยอมคืนดีด้วย ทำให้ฝ่ายชายอาละวาดหนัก บุกมาที่บ้านในคืนวันศุกร์ที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา พอไม่เจอตัว ผู้ก่อเหตุก็อาละวาดทำลายข้าวของและตัดไฟ ทำให้ไฟฟ้าดับทั้งบ้าน ก่อนกลับบ้านไป แล้วย้อนกลับมาอีกในวันต่อมา ซึ่งลูกสาวตนก็ยังหนีหน้าไม่ยอมเจอ ผู้ก่อเหตุจึงขโมยเอาจักรยานยนต์ของที่บ้านขี่ออกไป หายไป 1 วัน

เด็ก.jpg4

จนกระทั่งเมื่อเช้า เวลาประมาณ 10.00 น. ผู้ก่อเหตุได้ขี่จักรยานยนต์กลับมาที่บ้านอีกครั้ง ขณะที่ตนกำลังนั่งกินข้าวกับอยู่กับภรรยา มาถึงก็ถามหาลูกสาวอีกครั้ง แต่ลูกไม่อยู่ ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจ ใช้เชือกไนลอนมารัดคอพร้อมเอามีดจี้ที่เอว อีกมือหนึ่งถือปืนพกสั้นสีดำ จึงได้ต่อสู้จนเกิดชุลมุนขึ้น

ตนถูกมีดแทงที่เอว แขน และมีบาดแผลที่ศีรษะ ส่วนภรรยาร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ผู้ก่อเหตุเห็นท่าไม่ดี จึงนำตัว หลานสาววัย 7 ขวบ ขี่รถจักรยานยนต์หนีออกไป จนตอนนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมหลานว่าเป็นเช่นไร